มัลติมิเตอร์แบบดิจิตอล (Digital Multimeter)
มัลติมิเตอร์แบบดิจิตอล (Digital Multimeter) เป็นมัลติมิเตอร์อีกชนิดหนึ่ง ที่ได้รับการพัฒนา มาจากมัลติมิเตอร์แบบอนาล็อก แต่เปลี่ยนรูปแบบเทคโนโลยีเคลื่อนที่ด้วยสนามแม่เหล็ก เป็นเทคโนโลยีแบบอิเล็กทรอนิกส์แทน โดยนําเอาระบบดิจิตอลที่แสดง ตัวเลขเข้าแทนที่ในการแสดงผลการวัด ทั้งนี้ได้มีการรวมเอาดิจิตอลโอห์มมิเตอร์ (Digital Ohmmeter) ดิจิตอลแอมป์มิเตอร์ (Digital Ammeter) และดิจิตอล โวลต์มิเตอร์ (Digital Voltmeter) เข้าไว้ในเครื่องวัดเครื่องเดียวกันเช่นเดียวกับ มัลติมิเตอร์แบบอนาล็อก และที่สําคัญนั้น มัลติมิเตอร์แบบดิจิตอลถูกสร้างขึ้นมา เพื่อทําลายข้อจํากัดมากมายของ มัลติมิเตอร์แบบอนาล็อกนั้นเอง .

โดยมิลติมิเตอร์แบบดิจิตอลมีข้อดีดังต่อไปนี้
- ระบบการทำงานเป็นแบบ auto
- แสดงผลได้รวดเร็วกว่า
- แสดงค่าได้แม่นยำกว่าแม้จะมีค่าต่ำสุดก็ตาม
- ใช้งานง่ายกว่า และแสดงค่าเป็นตัวเลขที่ตรงตัว
- เลือกความละเอียดได้ใน ทศนิยม 2-3 ตำแหน่ง
- ใช้งานได้ดีภายใต้ความกดดัน
- สามารถเก็บข้อมูลการวัดค่าได้แบบอัตโนมัติ
- สามารถแสดงค่าได้ละเอียดมากกว่า
- สามารถแสดงค่าได้แม้จะผิดขั้วก็ตาม
- มีความแม่นยำสูงกว่า และตัดปัญหาความผิดเพี้ยนที่เกิดจากการอ่านค่า
- ไม่จำเป็นต้องใช้ความชำนาญในการอ่านค่า
ดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ https://goo.gl/KeAzXs
วัตถุดิบแต่ละประเภทควรอยู่ที่อุณหภูมิเท่าไหร่
การตั้งอุณหภูมิสำหรับสินค้าแต่ละชนิดจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งหากมีการตั้งอุณภูมิสินค้าผิดพลาด อาจส่งผลให้ทำให้อาหาร หรือวัตถุดิบที่ต้องการจำหน่ายมีแบคทีเรีย และเกิดการเน่าเสียได้ง่าย ดังนั้นแล้ว วันนี้สุพรีมไลนส์ จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับอุณภูมิที่เหมาะสมกับวัตถุดิบกัน

- อาหารปรุงสุก 72°C-82°Cควรเก็บอาหารที่อุณหภูมิ 60°C (140°F) หรือร้อนกว่า เหมาะสมสำหรับการปรุงอาหารชนิดต่างๆ โดยการปรุงเนื้อสัตว์ต่างๆ หากมีอุณภูมิต่ำกว่า 4°C-60°C จะทำให้แบคทีเรียสามารถเติบโตได้เร็ว ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษได้
- อาหารแช่เย็นวัตถุดิบที่เป็นของสด ควรอยู่ในอุณหภูมิ 4°C หรือเย็นกว่า สำหรับเนื้อสัตว์ถ้าต้องการเก็บไว้เป็นเวลานานๆ ควรมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่า -18°C อาหารทะเลควรเก็บไว้ในช่วงอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 0°C และ -18°C ส่วนผักสดและผลไม้ เก็บไว้ในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิระหว่าง 4°C – 10°C ไม่ควรแช่ผักและผลไม้ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่านี้ เพราะจะทำให้วิตามินและแร่ธาตุลดลงได้ และผลไม้บางชนิดก็ไม่เหมาะกับการแช่เย็น เพราะความเย็นอาจทำให้เนื้อผลไม้ช้ำ และเสียรสชาติได้
(ข้อมูลจาก : แม็คโคร)
ทั้งนี้แล้วหากยังกังวลเกรงวาจะตั้งค่าอุณภูมิที่ไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุดิบอยู่ เราขอแนะนำ “เครื่องวัดอุณหภูมิสำหรับตู้แช่” รุ่น FOX-X10 และ FOX-MR20 ช่วยวัดอุณหภูมิในตู้แช่เพื่อให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเก็บรักษา โดยเครื่องวัดชนิดนี้ การทำงานด้วยระบบเซ็นเซอร์ เพื่อให้อ่านค่าได้รวดเร็ว และมีหน้าจอที่แสดงผลตัวเลขอ่านง่าย ซึ่งทำให้การปรับเปลี่ยนอุณภูมิเป็นไปได้ตามความเหมาะสมของวัตถุดิบนั้นๆ
เกจวัดอุณหภูมิแบบเข็ม (Thermocouple)
เป็นอุปกรณ์สำหรับใช้วัดอุณหภูมิของเหลว และอากาศทั่วไป ซึ่งการทำงานของเกจวัดอุณหภูมิแบบเข็ม จะทำงานต่อเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ จะมีการสร้างแรงดันไฟฟ้าในเกจ แรงดันไฟฟ้านี้จะถูกวัดและนำไปใช้ในการคำนวณหาอุณหภูมิที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่จะใช้ในอุตสาหกรรมระบบนิวเมติกส์ ไฮดรอลิก และระบบประบอากาศ ซึ่งเป็นระบบที่ปิดจึงสามารถทราบค่าแรงดันได้

เกจวัดอุณหภูมิแบบเข็มมีข้อดีที่สามารถทนต่ออุณหภูมิสูงได้, มีความไวต่อการตอบสนอง, และมีความแม่นยำในการวัดอุณหภูมิ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://cutt.ly/thermometer-gauge_SPL
ฮีตเตอร์เส้น ใช้งานกับอุตสาหกรรมใดบ้าง
ฮีตเตอร์เส้น (Cable Heaters) อุปกรณ์รักษาอุณภูมิของท่อในระบบอุตสาหกรรมต่างๆ ป้องกันการแข็งตัวของสารต่างๆ ให้อยู่ในอุณหภูมิที่ต่ำ หรือเพื่อรักษาความร้อนในกรณีที่จำเป็น ซึ่งนิยมใช้ในอุตสาหกรรมต่อไปนี้

1. อุตสาหกรรมปิโตรเคมี เพื่อช่วยให้อุณหภูมิสำสม่ำเสมอ ป้องการการแข็งตัว
2. อุตสาหกรรมอาหาร ใช้ในการรักษาความร้อนสำหรับท่อส่งของเหลว
3. อุตสาหกรรมพลาสติก ใช้ควบคุมอุณภูมิของพลาสติกที่ถูกเปลี่ยนรูป หรือตัด
4. อุตสาหกรรมประมง ใช้ในการรักษาความอุ่นในท่อที่ใช้สำหรับการขนส่งน้ำหล่อเย็น
5. อุตสาหกรรมพลังงาน ใช้ในการรักษาความอุ่นในท่อหรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการพลังงาน